1. ไม่มีการปรับแผนเกษียณอายุให้เหมาะสมกับปัจจุบัน เชื่อหรือไม่ว่า คนที่เกษียณอายุไปแล้วหลายคนไม่สามารถทำตามที่ตัวเองวางแผนไว้ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่าเขาไม่มีการปรับเปลี่ยนสมมติฐานในการลงทุนให้ถูกต้อง เช่น อัตราผลตอบแทนที่เคยคาดว่าจะได้สูงกว่า 7% ต่อปีจากการลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้คงเห็นได้ยากในปัจจุบัน ดูได้จากอัตราการเติบโตของ GDP ประเทศไทยที่ยากจะเห็นเกิน 5% หากเศรษฐกิจโลกยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งผลตอบแทนที่น้อยลงนี้ จะทำให้เงินออมของคุณหมดก่อนวันเวลาที่คุณวางแผนไว้
2. เกษียณเร็วเกินไป หลายคนเกษียณก่อนเวลา จากนโยบายบริษัทที่เปิดโอกาสให้สามารถ Early-Retire ได้ ซึ่งเชื่อว่าบริษัทน่าจะให้ผลประโยชน์ที่น่าสนใจระดับหนึ่ง แต่เชื่อหรือไม่ว่า ถ้าหากคุณเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิ์และทำงานต่อ ด้วยผลประโยชน์จากโปรแกรมสนับสนุนการออมของบริษัท เช่นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะช่วยให้คุณมีเงินออมหลังเกษียณต่างกันอย่างมาก
3. ประเมินค่ารักษาพยาบาลไว้ต่ำเกินไป คนส่วนใหญ่มักคิดว่าจะมาขอใช้สิทธิรักษาพยาบาลหลังเกษียณจากรัฐ จึงทำให้คุณอาจจะต้องไปต่อคิวจองบัตรตั้งแต่เช้ากว่าจะได้ตรวจรักษาจริงๆ น่าจะใกล้เที่ยงวัน ถ้าหากคุณไม่อยากจะรอสวัสดิการของรัฐ ก็ต้องหันไปใช้บริการของเอกชน ซึ่งราคาสูงกว่ามาก และยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงอีกด้วย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเป็นตัวกัดกินเงินออมที่คุณเก็บรักษามาทั้งชีวิตไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล และหาซื้อประกันสุขภาพสำหรับใช้ชีวิตหลังเกษียณไว้ให้พอเพียง
4. ไม่กระจายการลงทุน คุณทราบหรือไม่ว่าบริษัทของคุณเปิดให้สามารถเลือกลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยตนเองได้ ถ้าหากคุณไม่ทราบ หรือว่าทราบแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือก เงินออมของคุณในเบื้องต้นทั้งหมดจะถูกกำหนดให้อยู่ในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดและให้ผลตอบแทนที่ต่ำที่สุดเช่นกัน และหากคุณปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เงินที่คุณจะได้หลังเกษียณคงไม่เหมือนตามที่คุณฝันไว้อย่างแน่นอน ดังนั้นคุณควรจะกระจายการลงทุน โดยอาจจะขอแบ่งสัดส่วนการลงทุนมาอยู่ในกองทุนตราสารหนี้หรือกองทุนหุ้น เพื่อให้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
5. ให้ความสำคัญกับการศึกษาบุตรจนไม่คิดถึงเรื่องเกษียณของตัวเอง ด้วยค่านิยมของคนไทยเราจะส่งลูกหลานจนจบปริญญาตรี รวมไปถึงออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถยนต์ ที่อยู่ ไปกระทั่งค่าจัดงานแต่งงานโดยไม่ได้คิดเรื่องเกษียณอายุของตนเอง แนะนำอย่างนี้ครับ “เรื่องทุนช่วยเหลือการศึกษามีคนสนับสนุนให้เสมอ แต่ทุนช่วยเหลือสำหรับการเกษียณไม่มีใครให้คุณได้นอกจากตัวคุณเอง"
อย่าเพิ่งคิดว่าช้าไปแล้วที่จะเริ่มวันนี้ เพราะคุณยังต้องใช้ชีวิตสำหรับเกษียณไปอีก 20 หรือ 30 ปีก็เป็นได้ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการวางแผนเพื่อการเกษียณและศึกษาหาความรู้ด้านการเงิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น